พ่อหลวงจันติ๊บ-ผู้ใหญ่บ้านป่าเปา เริ่มต้นทำอินทรีย์ตั้งแต่ปี 2534 มาเริ่มชวนกลุ่มเกษตรกรในหมู่บ้านทำนาอินทรีย์ ปี 2556 มีคนร่วมด้วยแค่ 12 คน ที่เหลือบอกว่า ในเมื่อต้องตายอยู่แล้ว ทำอินทรีย์กับเคมีต่างกันอย่างไร แต่พ่อหลวงและแกนนำก็ยังสู้ จนปี 2560 สามารถชวนเกษตรกรให้ทำนาอินทรีย์กันทั้งหมู่บ้าน
ศิลปินท่ามกลางกลุ่มเกษตรกร เพราะเธอเป็นคนทำนาแบบประณีต ปลูกทีละต้น ถอนหญ้าทุกต้นด้วยมือของตนเอง ข้าวหอมนิลของนิรินธน์ เป็นสื่อกลางของความรักและการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี พร้อมส่งถึงมือผู้บริโภคทุกท่าน
มีความใฝ่ฝันที่จะก่อตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว จึงเริ่มศึกษาเมล็ดพันธุ์ข้าวล้านนา และเพาะปลูกในที่นาของตนเอง แค่เริ่มต้นก็มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ ข้าวที่เอนกปลูกจะต่อยอด เพื่อการเป็นศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวในอนาคต และเป็นความยั่งยืนของภาคการเกษตรไทยด้วย
ทำนาทั้งน้ำตา แต่ก็ยังมีความสุขและความฝันที่จะทำนาต่อไป น้ำท่วมนาทุกปี ทำให้ผลผลิตได้น้อย ภาระหนี้สินก็เพิ่มพูนมากขึ้นทุกปี แต่สายฝนก็มีความหวังว่าจะปลดหนี้ปลดสิน ก้าวสู่เส้นทางเศรษฐกิจพอเพียง และมีความสุขในการใช้ชีวิตทุกวัน ข้าวของสายฝนคือสื่อกลางแห่งความหวังของเกษตรกรทุกคน
ใจสู้เกินร้อย ทำทุกอย่างขอให้บอก อะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นและหลุดพ้นจากภาระหนี้สิน ป้าหล้าเป็นแกนนำการทำข้าวอินทรีย์ของบ้านสันป่าเหียง เริ่มต้นกับป้าตาสองพี่น้อง โดยไม่มีใครร่วมด้วย วันนี้ ป้าหล้าเป็นหญิงเหล็กใจแกร่งในชวนเกษตรกรในบ้านสันป่าเหียงมาทำนาอินทรีย์กว่า 100 ไร่
เกษตรกรที่ทำนาอินทรีย์ด้วยใจรัก เริ่มต้นทำอินทรีย์เพราะมีคนเข้ามาส่งเสริมกับเพื่อนๆ 30 กว่าราย แต่พอองค์กรหยุดส่งเสริม ทุกคนก็กลับมาใช้เคมี เหลือพ่อหาญที่ยังคงสู้ต่อและทำนาอินทรีย์อยู่คนเดียว พ่อหาญมุมานะในการเรียนรู้ตลอดชีวิตในเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ จนได้รับการยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน
อายุ 65 ปี ทำนาอินทรีย์ เพราะอยากให้ลูกกินอาหารที่ปลอดภัย ยายเท่งเข้าร่วมโครงการ Craft Farmers Project ตั้งแต่ปี 2559 ยายบอกว่า ตั้งใจผลิตข้าวคุณภาพดี เหมือนที่ยายกิน ให้ผู้บริโภคได้กินด้วย